เศรษฐศาสตร์จุลภาค

vition........

ธรรมกับภาวะโลกร้อน

Posted by เศรษฐศาสตร์ On 02:17

ธรรมกับภาวะโลกร้อน ธมฺโม หเว รกฺขติ ธมฺจารึ. "ธรรมย่อมคุ้มครองผู้ประพฤติธรรม" ธรรมะที่ข้าพเจ้ากล่าวในที่นี้หมายถึง ธรรมชาติ ธรรมดา ปกติ แต่ปัจจุบันสภาวะอันไม่ปกติกำลังเกิดขึ้นกับชีวิตเราเป็นอันมาก เพราะเรากำลังใช้ชีวิตห่างจากธรรมะ ห่างจากความเป็นธรรมดา ธรรมฃาติ เราจึงต้องประสบกับปัญหาอันยิ่งใหญ่ คือ ภาวะโลกร้อน หรือสภาวะอากาศเปลี่ยนแปลง กำลังบอกเราว่า ไม่มีสัญญาณว่าโลกจะเย็นขึ้นแต่อย่างใด นี่คือความจริงที่ว่า ทำไมมันถึงเกิดขึ้น อะไรคือสาเหตุ และมีผลกระทบกับโลกนี้อย่างไรและหนทางแก้ไขแบบธรรมะจะทำได้อย่างไร ใช่แน่นอน โลกกำลังแสดงสัญญาณหลายอย่างว่า ภาวะอากาศ กำลังเปลี่ยนแปลง • อุณหภูมิเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 0.8 องศาเซลเซียส นับตั้งแต่ปี 1880 และส่วนมากเพิ่มขึ้นในไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา จากข้อมูลของสถาบันวิจัยอวกาศกอดดาร์ดส์แห่งนาซา • อัตราการเพิ่มของอุณหภูมิกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ 2 ทศวรรษในศตวรรษที่ 20 มีปีที่ร้อนที่สุด ในรอบ 400 ปี และเป็นไปได้ว่าที่สุดในรอบ 1000 ปี จากข้อมูลของ IPCC ระบุว่า ใน 12 ปีที่ผ่านมา

มี 11 ปีเป็นปีที่ร้อนที่สุดตั้งแต่ปี 1850 • อาร์กติกได้รับผลกระทบมากที่สุด อุณหภูมิเฉลี่ยในอลาสกา แคนาดาตะวันตก และรัสเซียตะวันออก เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จากรายงานของ multinational Arctic Climate Impact Assessment ช่วงปี 2000-2004 • น้ำแข็งในอาร์กติก กำลังละลายอย่างรวดเร็ว และอาจไม่มีน้ำแข็งอีกเลย ในฤดูร้อน ปี 2040 หรือเร็วกว่า ชาวพื้นเมืองและหมีขั้วโลกก็กำลังเผชิญกับภัยนี้เช่นกัน • ธารน้ำแข็ง และหิมะบนภูเขา ได้ละลายอย่างรวดเร็ว ตัวอย่างเช่นธารน้ำแข็งในอุทยานแห่งชาติมอนทาน่า ปัจจุบันเหลือเพียง 27 ธารน้ำแข็งจาก 150 เมื่อปี 1910 • ปะการัง ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากอุณหภูมิน้ำ ได้ตายมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ในปี 1998 ปะการังกว่า 70% ขาวซีดในบางพื้นที่ • ภาวะอากาศแปรปรวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่น คลื่นความร้อนพายุ และการเกิดไฟป่า อะไรกำลังจะเกิดขึ้น • รายงานของ IPCC ในเดือนเมษายนที่ผ่านมาระบุว่า ในอนาคต อาจเกิดภาวะขาดแคลนอาหารและน้ำ และภัยพิบัติต่อสัตว์ป่า • ระดับน้ำทะเลอาจสูงขึ้นระหว่าง 7-23 นิ้ว ซึ่งระดับน้ำทะเลสูงขึ้นเพียง 4 นิ้วก็จะเข้าท่วมเกาะ และพื้นที่จำนวนมากในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ • ผู้คนนับร้อยล้านที่อยู่ในระดับความสูงไม่เกิน 1 ฟุต เหนือระดับน้ำทะเล อาจะต้องย้ายถิ่น โดยเฉพาะในสหรัฐ รัฐฟลอริดา และหลุยส์เซียนาก็เสี่ยงเช่นกัน • ธารน้ำแข็งละลายอย่างต่อเนื่อง ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น อาจส่งผลต่อการขาดแคลนน้ำจืดได้ • พายุที่รุนแรง ภาวะแห้งแล้ง คลื่นความร้อน ไฟป่า และภัยธรรมชาติต่างๆ จะเกิดขึ้นบ่อยขึ้น จนกลายเป็นเรื่องปกติ ทะเลทรายจะขยายตัวทำให้เกิดการขาดแคลนอาหารในบางพื้นที่ • สัตว์นับล้านสปีชี่ส์ จะสูญพันธุ์ จากการไม่มีที่อยู่ ระบบนิเวศน์เปลี่ยนแปลง และน้ำทะเลเป็นกรด การไหลเวียนของกระแสน้ำในมหาสมุทร อาจเปลี่ยนทิศทาง ส่งผลให้เกิดยุคน้ำแข็งย่อยๆ ในยุโรป และภาวะอากาศแปรปรวนในหลายพื้นที่ • ในอนาคต เมื่อภาวะโลกร้อนอยู่ในขั้นที่ควบคุมไม่ได้ จะเกิดสิ่งที่เรียกว่า Positive Feedback Effect ซึ่งอุณหภูมิที่สูงขึ้นจะปล่อยก๊าซเรือนกระจก ที่ถูกเก็บ อยู่ในส่วนชั้นน้ำแข็งที่ไม่เคยละลาย (Permafrost) และ ใต้ทะเลออกมา หรือคาร์บอนที่ถูกน้ำแข็งกับเก็บไว้ ส่งผลให้ภาวะโลกร้อนทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น มนุษย์เป็นตัวการหรือ จากรายงานของ IPCC มีความเป็นไปได้สูงมาก โดยรายงานนี้จัดทำโดยนักวิทยาศาสตร์กว่า 2500 คนใน 130 ประเทศ ได้สรุปว่า มนุษย์เป็นตัวการของสาเหตุเกือบทั้งหมด ที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน • การทำอุตสาหกรรม การตัดไม้ทำลายป่า และการปล่อยมลพิษอย่างมหาศาล ได้เพิ่มความเข้มข้นของไอน้ำ คาร์บอนไดออกไซด์ มีเทน และไนตรัสออกไซด์ในบรรยากาศ ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกที่กักเก็บความร้อนไว้ทั้งสิ้น (ดูข้อมูลเพิ่มเติมว่าโลกร้อนเกิดได้อย่างไร ที่ • มนุษย์กำลังเพิ่มปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศ มากกว่าที่ต้นไม้และมหาสมุทรสามารถรับได้ • ซึ่งก๊าซเหล่านี้จะอยู่ในบรรยากาศไปอีกนาน หมายความว่าการหยุดปล่อยก๊าซเหล่านี้ ไม่สามารถหยุดภาวะโลกร้อนได้ทันที • ผู้เชี่ยวชาญบางคนได้กล่าวว่า ภาวะโลกร้อนเกิดเป็นวัฎจักรสม่ำเสมอ ซึ่งเกิดจากปริมาณแสงอาทิตย์ที่ส่องลงมายังโลก และเป็นวัฏจักรเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ในรอบเวลานับแสนปี แต่การเปลี่ยนแปลงภาวะอากาศที่ผ่านมาเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาแค่เป็นร้อยปี จึงมีผลการวิจัยที่หักล้างทฤษฎีดังกล่าวออกมา สิ่งที่เราสามารถทำได้ง่ายๆแก้ปัญหาได้ง่ายๆ ตามหลักพุทธศาสนาโดยไม่ต้องลงทุนซึ่งเกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล และเป็นที่ยอมรับกันแล้ว รวมทั้งทั่วโลกต่างรู้กันดีว่าในคำสอนและการปฏิบัตขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น เป็นวิทยาศาสตร์และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่าแท้จริง เริ่มจาก เมตตา โปรดแผ่เมตตาให้สัตว์ป่า ปรารถนาให้ทุกคนและสรรพสัตว์มีความสุข ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน อยู่ป่าแผ่เมตตาให้สัตว์ร้าย ป้องกันอันตราย และเมตตาต่อสิ่งแวดล้อมไม่ทำร้ายสิ่งแวดล้อมปล่อยให้เขาอยู่อย่างธรรมชาติ ธรรมชาติก็จะเมตตาเราด้วย เราก็จะอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข กรุณา ช่วยไถ่ชีวิตสัตว์ป่า ปล่อยคืนสู่ถิ่น ช่วยกันปลูกต้นไม้ที่มีลูกให้สัตว์ป่ากินในแหล่งที่มีอาหารขาดแคลน ไม่ฆ่าสัตว์ทารุณสัตว์ทรมานสัตว์ ศีลข้อที่หนึ่ง ละการฆ่าสัตว์ เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ วางโทษภัย วางของมีคม แล้วมีความละอายต่อการทำบาป มีความเอ็นดู มีความกรุณา หวังประโยชน์แก่สัตว์ทั้งปวงอยู่ (พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐ "อุโปสถสูตร") นับตั้งแต่ในสมัยพุทธกาลนานมา พระพุทธองค์ทรงวางนโยบายอนุรักษ์ชีวิตสัตว์โลกเอาไว้แล้ว โดยการกำหนดปฏิบัติที่เรียกว่า "ศีล" ให้แก่ชาวโลกดังนั้นจะเห็นได้ว่า หากผู้คนพยายามรักษาศีลข้อที่หนึ่งนี้เพิ่มมากขึ้น ปัญหาการสูญพันธุ์ของสัตว์ป่าต่างๆจะลดลง ในป่าจะมีสัตว์อาศัยอยู่ และสัตว์ทั้งหลายก็จะมีป่าให้อยู่ สัตว์กับป่าไม้เป็นสื่อสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน ไม่ใช่ไปทำสัตว์ป่าให้กลายเป็นสัตว์บ้าน นำมาบังคับใส่กรงขังไว้ แล้วทำลายป่าราบเรียบ สร้างเป็นตึกสูง เป็นห้องแถวอย่าทำให้สัตว์ป่าไร้ป่าอยู่ ซึ่งผิดธรรมชาติของมัน อย่าทำให้ป่าต้องร้างสัตว์อยู่ ซึ่งผิดธรรมชาติของป่า และอย่าทำให้วงจรชีวิตของธรรมชาติ ที่สัตว์กับป่าต้องพึ่งพาอาศัยกัน นั้น ต้องถูกทำลายสมดุล ในตัว ของมันเองไป อันเนื่องมาจากการฆ่าแกงทำร้ายสัตว์ การข่มเหงบังคับสัตว์อย่างทารุณ ด้วยฝีมือของมนุษย์โปรดช่วยกันเอ็นดู ให้ความเมตตากรุณา และให้ประโยชน์แก่สัตว์ทั้งปวงบ้างเถิด อย่ารังแกกันเกินไปนักเลย วินัยพระสงฆ์ ห้ามตัดไม้ พรากของเขียว ห้ามขุดดิน ห้ามถ่ายอุจจาระปัสสาวะหรือบ้วนน้ำลายบนต้นไม้หรือในแม่น้ำลำธาร และให้อยู่ตามโคนต้นไม้ วินัยข้อนี้ชี้ชัดเรื่องของการอนุรักษ์ต้นไม้ โดยไม่ให้ภิกษุตัดต้นไม้เอง และไม่บอกคนอื่นตัดต้นไม้ให้ เพื่อรักษาชีวิตของป่าไม้เอาไว้ แล้วป่าช่วยให้ฝนตกตามฤดูกาล ช่วยป้องกันภัยจากน้ำท่วมไหลบ่าได้มาถึงทุกวันนี้ ต้นไม้ขาดแคลนมหาศาล ไม่มีจำนวนเพียงพอฟอกอากาศพิษในเมือง ที่พ่นพิษออกจาก ท่อไอเสียรถ หรือปล่อยพิษออกจากปล่องโรงงานอุตสาหกรรม ฯลฯ "ปอดธรรมชาติของโลก" ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง เพราะต้นไม้ถูกมนุษย์ตัดโค่นทำลาย เมืองไทยเคยมีป่าเขตร้อน ปกคลุมพื้นที่อยู่ ๘๐% แต่ทุกวันนี้เหลือไม่ถึง ๒๐% ซึ่งส่วนใหญ่ ถูกทำลายลงเพราะ.... การพัฒนา เศรษฐกิจ-สังคม เลียนแบบประเทศอุตสาหกรรมที่เจริญแล้วทางเทคโนโลยีทั้งหลายฉะนั้นหากหวังจะหายใจกันได้อย่างปลอดภัย ไม่หวั่นควันพิษจากรถที่จะทำให้สมองเสื่อม หรือทำให้เยื่อหลอดลมอักเสบ หรือทำให้หายใจไม่ออกแล้ว ต้องเร่งช่วยกันปลูกต้นไม้มากๆทั่วประเทศ-ทั่วโลก แล้วอากาศบริสุทธิ์จึงจะกลับคืนมาสู่มนุษยชาติได้อีกพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒ "ปาทุกาวรรค สิกขาบทที่ ๑๔ ใช้จนสิ้นซาก จีวรก็เอามาจากผ้าห่อศพ จีวรสวมใส่แล้วเก่าๆ ก็เอามาทำผ้าเช็ดตัว เก่าแล้วก็เอามาทำผ้าเช็ดมือ เก่าแล้วก็เอาไปทำผ้าเช็ดหม้อ เก่าอีกก็เอามาเป็นผ้าถูพื้น เก่าอีกจนรุ่งหริ่ง ก็เอาไปผสมดินปั้นภาชนะ ในชีวิตประจำวันที่บ้านและในโรงงานควรพยายามใช้ประโยชน์จนสิ้นซาก หรือใช้ 4 R คือ Reduce (ลดละเลิก)เป็นการลดปริมาณขยะที่จะเกิดขึ้นทำให้โลกไม่เกิดปัญหาขยะล้นโลก Reuse (นำกลับมาใช้ใหม่)ใช้แล้วใช้อกเปลี่ยนสภาพการใช้จนกว่าจะสลายไปเพื่อไม่ให้เกิดการสิ้นเปลืองธรรมชาติมากเกินความจำเป็น Repair(พยายามซ่อมจนถึงที่สุด แล้วจึงค่อยคิดเปลี่ยน) และ Refill (เอาไปถมที่ดิน)คือการเติมสู่ธรรมชาติอีกสร้างธาตุอาหารให้แก่ดินอีกเพื่อยังประโยชน์แก่ต้นไม้ที่จะเกิดต่อไป การอยู่ในสิ่งแวดล้อมดีเป็นมงคล ในมงคล 38 การอยู่ในสิ่งแวดล้อมดีถือว่าเป็นมงคล คือดีทั้งสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมในสังคม จึงไม่ควรทำลายสิ่งที่เป็นมงคลให้เป็นอัปมงคล และควรทำให้สิ่งเป็นมงคลมีมากเพิ่มขึ้น ปฏิจจสมุปบาท “น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า ข้าพึ่งเจ้า บ่าวพึ่งนาย” “นายก็พึ่งบ่าว เจ้าก็พึ่งข้า ป่าก็พึ่งเสือ เรือก็พึ่งน้ำ” “เสือพีเพราะป่าปก หญ้ารกเพราะเสือยัง ดินดีเพราะหญ้ายัง หญ้ายังเพราะดินดี” นั่นคือ ทุกสิ่งทุกอย่างอาศัยกันและกันเกิดขึ้น ไม่มีสิ่งใดอยู่ได้อย่างโดดเดี่ยว ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิต ที่มีการพึ่งพาอาศัยกัน มีทั้งชนิดที่ต่างก็ได้รับประโยชน์ทั้งคู่ ( ภาวะพึ่งพากัน ) และฝ่ายหนึ่งได้ประโยชน์ แต่อีกฝ่ายหนึ่งไม่ได้และไม่เสียประโยชน์แ... ( ภาวะอิงอาศัย ) ความจำเป็นในการพึ่งพาซึ่งกันในทุกวันนี้ มีสาเหตุมาจากเพื่อทดแทนในส่วนที่ตนขาด หรือไม่มีความสามารถพอ โดยไม่มีจิตที่คิดจะเอาเปรียบกัน จะทำให้เกิดความสมดุลทางธรรมชาติขึ้นได้โยง่าย กตัญญูต่อธรรมชาติ เห็นบุญคุณของธรรมชาติของป่าไม้ ป่านั้นเป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร ไม่มีแม่น้ำลำธาร เราก็อยู่ไม่ได้ เราก็ปลูกพืชพันธุ์ธัญญาหารไม่ได้ พระพุทธรูปปางถวายเนตร เป็นพระประจำวันของผู้เกิดวันอาทิตย์ พระพุทธเจ้าประทับยืนห่างจากต้นมหาโพธิ์ เอาพระหัตถ์ขวาทาบบนพระหัตถ์ซ้าย จ้องพระเนตรไม่กระพริบไปที่ต้นมหาโพธิ์ที่พระองค์ตรัสรู้เป็นเวลา 7 วัน เพื่อเป็นการแสดงความกตัญญูรู้คุณต้นไม้ พุทธประวัติ ประสูติในสวนลุมพินีวัน ตรัสรู้ในป่าใต้ต้นมหาโพธิ์ เดินทางสั่งสอนอยู่ในวัดป่า ชื่อเวฬุวัน ซึ่งเป็นสวนไม้ไผ่ ปรินิพพานในป่าระหว่างต้นสาละคู่หนึ่ง ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นทรงใช้ชีวิตที่มีอยู่นั้นอยู่กับธรรมชาติทั้งสิ้น โดยไม่เบียดเบียนธรรมชาติเลย วนโรปสูตร ในพระไตรปิฎก “ชนเหล่าใด ปลูกป่า ปลูกสวน สร้างสะพาน สร้างโรงน้ำ ขุดบ่อดิน บริจาคอาคารที่พักอาศัย ชนเหล่านั้นได้บุญตลอดเวลา ทั้งกลางวันและกลางคืน” สรุปแล้วความรู้กับข้อปฏิบัติ ที่จะช่วยคุ้มครองโลกให้งดงาม คุ้มครองตนให้ไปสู่ดีนั้น ได้มีมาแต่โบราณกาล อีกทั้งยังมีอยู่แล้วมากมาย แต่จนถึงทุกวันนี้ โลกยิ่งเสียหายยับเยินลงไปทุกที เพราะความวิปริต แปรปรวน ของสภาพแวดล้อมทั้งหลายนั้น ล้วนเกิดจากผลงานของมนุษย์แทบทั้งสิ้น นี่ย่อมแสดงถึง.... ความตกต่ำทางใจ ของมนุษย์ทวีมากขึ้นเป็นลำดับดังนั้นตราบใดที่ยังแก้ไข "ความเลวในหัวใจมนุษย์" ให้เลิกขี้โลภเห็นแก่ตัวไม่ได้ ตราบนั้นอย่าหวังเลยว่า สภาวะสมดุลของธรรมชาติจะเกิดขึ้นได้และตราบใดที่ "หัวใจของคนดี" ท้อถอยต่อการเสียสละ เลิกล้มการสร้างสรรโลก หยุดผงาดขึ้นยืนหยัดต้านภัยพาล ตราบนั้นก็อย่าหวังเลยว่า สังคมโลกนี้จะสวยงามสุขเย็นได้ เพราะโลกนี้ไร้แล้วซึ่งที่พึ่งพิงรอเวลาแหลกสลายจะมาถึงเท่านั้นเองโลกนี้จึงกำลังต้องการคนดีที่ใจเด็ด กล้าทน สร้างกรรมดีสืบไปได้ตลอดตาย เพื่อกอบกู้โลกให้น่าอยู่ยั่งยืนยาวนานถึงที่สุด จะเห็นได้ว่าการลดภาวะโลกร้อนนั้นเราสามมารถทุกคนทำได้ง่ายมากบางครั้งอาจง่ายเกินกว่าที่เราจะคิดถึงเสียอีกเพียงแค่เราทุกคนต่างใช้ชีวิตแบบสงบสุข พอเพียง ไม่เบียดเบียนกันเท่านั้น เราก็จะสามมารถลดภาวะโลกร้อนได้ง่าย จนอาจพูดได้ว้เราไม่ต้องทำอะไรเลยเพียงแต่ใช้ชีวิตตามหลักพระพุทธศาสนาเท่านั้น “ อารักขสัมปะทา “ คือขอให้ทุกคน ทุกชุมชน มีนิสัยโน้มเอียงไปสู่การรักษาดูแล ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพราะหากเราให้ทุกข์กับธรรมชาติ ธรรมชาติก็ลงโทษเรา

FROM HER
FROM HER
PROGRAM FREE
DOWNLOADFREE

Read more!

0 Response to "ธรรมกับภาวะโลกร้อน"

Post a Comment

Followers